
ความเชื่อน่าอัศจรรย์ เรื่องราวความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลข จะน่าสนใจแค่ไหน?
ความเชื่อน่าอัศจรรย์ หากจะพูดถึง ความเชื่อที่น่าอัศจรรย์ เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเลข ก็เป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง ที่ทั้งศาสตร์ความเชื่อของ ชาวไทย ชาวจีน ชาวญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งประเทศอื่นๆ มีความเชื่อในเรื่องนี้ที่แตกต่างกันออกไปเป็นจำนวนมาก ก็มักจะมีความเชื่อทั้ง ในเรื่องของโชคดีและโชคร้าย เริ่มต้นกันที่ ความเชื่อในเรื่องดีๆ กันก่อนดีกว่า สำหรับพลังแห่งตัวเลข นับว่าเป็นความเชื่อที่ชาวจีน
ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก อย่างตัวเลขทงคลของชาวจีนก็คือเลข 9 จะช่วยในเรื่องของความมั่งคั่ง ซึ่งชาวจีนให้ความสำคัญ และความเชื่อในเรื่องโชคลาภเป็นอย่างมาก หากนับเรื่อง ความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลข ของประเทศญี่ปุ่นแล้วนั้น ก็มีความเชื่อในเรื่องของ
เลขอัปมงคล ไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ญี่ปุ่นมีความชื่อที่ว่า ตัวเลขที่นับว่าเป็น เชขแห่งความโชคร้ายเลยก็คือ เลข 4 เนื่องจากว่าคำว่าสี่ หรือภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่าชิ ดันไปพ้องเสียงกับคำว่าความตาย ซึ่งก็ออกเสียงว่าชิ เช่นเดียวกัน คนญี่ปุ่นจึงถือว่าเลข 4
เป็นเลขของลางร้าย เคราะห์ร้ายนั่นเอง และไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเลขเดียว อีกหนึ่งตัวเลขก็คือคำว่าคุ หรือหมายเลข 9 ก็ดันไปพ้องเสียงกับคำว่า ความเจ็บปวด และทรมาน ซึ่งก็ออกเสียงว่าคุ เช่นเดียวกัน คนญี่ปุ่นจึงนิยมมอบสิ่งของ หรือให้ของขวัญกันเป็น
จำนวนตัวเลย 3 หรือ 5 ชิ้น เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงในการให้ 4 หรือ 9 ช้นนั่นเอง เป็นอีกหนึ่งความเชื่อ ที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
ความเชื่อน่าอัศจรรย์ เป็นความเชื่อของชาวเกาหลี จะน่าตื่นเต้นแค่ไหน?
หลายๆท่านอาจจะไม่ทราบมาก่อน ว่าชาวเกาหลี จะมีความเชื่อ ในเรื่องราวเหล่านี้กันจริงหรือ เรามาดูพร้อมกัน ความความเชื่อที่น่าทึ่ง และความเชื่อของชาวเกาหลี ทั้งในเรื่องดีๆ และเรื่องร้ายๆ จะมีอะไรกันบ้าง เริ่มกันที่เรื่องแรก คนเกาหลีเชื่อว่า
ไม่ควรที่จะป้อนไก่ให้สามีทาน หรือไม่ควรป้อนสัตว์ปีกทุกชนิด ให้กับสามี เนื่องจากว่า สามีอาจจะบินหนีหายไปจากชีวิต ของภรรยานั่นเอง แค่เรื่องแรก ก็ฟังดูทั้งแปลกและน่าทึ่งแล้ว ความเชื่อเกาหลี เรื่องต่อมาก็คือ ห้ามมอบรองเท้า เพื่อเป็นของขวัญให้กับคนใกล้ตัว
หรือใครก็ตาม เนื่องจากว่า การมอบรองเท้าให้ จะทำให้คนๆนั้น เดินหนี วิ่งหนีไปจากคุณ ซึ่งวิธีการแก้เคล็ด ของความเชื่อนี้ก็คือ จะต้องให้เงินกับผู้ที่ให้ของขวัญเป็นรองเท้า นั่นเอง และอีกหนึ่ง ความเชื่อโบราณ ของคนเกาหลีก็คือ ห้ามจับที่ตา
ความเชื่อนี้มักจะเป็น ความเชื่อที่พ่อแม่เอาไว้สอนลูก สอนเด็กๆ เป็นเพราะว่า เด็กๆมักจะวิ่งเล่น อาจจะไปจับแมลง หรือผีเสื้อ แล้วมาจับที่ดวงตา ก็จะทำให้ตาบอด สาเหตุที่แทเจริงก็คือ กุศโลบายของผู้ใหญ่ ที่กลัวว่าเด็กๆเมื่อไปวิ่งเล่น แล้วจับสิ่งต่างๆแล้วมาถู
หรือขยี้ดวงตา จะทำให้ระคายเคือง และตาแดงนั่นเอง เป็นอีกหนึ่งในความเชื่อ ที่หลายคนน่าจะไม่เคยได้ยิน หรือไม่เคยรู้จักมาก่อน
ความเชื่อน่าอัศจรรย์ ของคนดังฝั่งฮอลลีวูด เป็นเรื่งราวความเชื่อที่เน้นในเรื่องอะไร?
ว่ากันด้วยเรื่องของ ความเชื่อทั่วโลก ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน ภูมิภาคใด มักจะมีความเชื่อ ที่แตกต่างกันออกไป ไม่เว้น แม้กระทั่งใน แวดวงฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของ ความเชื่อรื่องโชค ทั้งโชคร้าายและโชคดี มาดูกันดีกว่า ว่าเหล่าคนบันเทิง
เขามีความเชื่อกัน ในเรื่องไหนและอย่างไรกันบ้าง เริ่มจ้นกันที่นักร้องชื่อดังระดับโลกอย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์ เธอมีความเชื่อว่า เลข 13 จะเป็นเลขที่นำโชคมาให้กับเธอ ในขณะที่ทางฝั่งจะตัวตก จะมีความเชื่อว่า ตัวเลขดังกล่าว จะนำมามาซึ่งความโชคร้ายต่างๆ
แต่เหตุผลที่เธอเอง มีความเชื่อว่า ตัวเลขนี้คือเลขแห่งความโชคดีสำหรับเธอ ก็เป็นเพราะว่า เธอเกิดวันที่ 13 และเธอก็มีอายุครบ 13 ปีเต็มใน ปีที่ตรงกับวันศุกร์ที่ 13 พอดิบพอดี ส่วนในเรื่องการงาน เธอก็ยังบอกว่า ในอัลบั้มแรกของเธอ ยอดขายอัลบั้มดังกล่าว
พุ่งสูงถึง 5 แสนตลับ ในระยะเวลาเพียงแค่ 13 สัปดาห์เท่านั้น และเพลงที่ใช้ในการเปิดอัลบั้มแรก ก็มีดนตรีอินโทรของเพลงเป็นเวลา 13 วินาที เทย์เลอร์ สวิฟต์ยังได้กล่าวอีกว่า ในทุกครั้งที่เธอสามารถคว้ารางวัลต่างๆได้ หรือไแร่วมงานรับรางวัล
เธอมักจะได้นั่งที่นั่งเบอร์ 13 หรือแถว 13 อยู่เสมอ เธอจึงมีความเชื่อที่ว่า นี่คือเลขนำโชคของเธอนั่นเอง ส่วนทางฝั่ง ความเชื่อของนักแสดงสาวอย่าง เอมมา โรเบิร์ตส์ เธอก็มีความเชื่อว่า จะไม่มีวันเดินลอดใต้บันไดเป็นอันขาด เนื่องจากว่า เวลาที่เดินลอดใต้บันได
เรื่องร้ายๆหรือโชคร้าย มักจะมาเยือนเธอทุกที เวลาเธอเห็นคนในครอบครัวเดินลอดใต้บันได จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เธอหัวเสียเป็นอย่างมาก และมาถึงความเชื่อของ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน นักแสดงที่โด่งดังเป็นอย่างมาก จากซีรีย์ยุค 90s เรื่อง F.r.i.e.n.d.s.
ความเชื่อของเธอเกี่ยวข้องกับเรื่องของ การเดินทาง นั่นก็คือเธอมักจะก้าวเท้าขวา เข้าไปในตอนที่ขึ้นเครื่องบินเสมอ และจะใช้มือ แตะที่ด้านนอกตัวเครื่องบิน 1 ครั้ง เพื่อให้การเดินทางครั้งนั้น เป็นไปอย่างสวัสดิภาพ และนี่ก็คือ ความเชื่อที่น่าทึ่ง ของเหล่าบรรดา ดารานักร้องในแวดวงบันเทิงต่างประเทศ
ความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ที่สุดแสนจะอัศจรรย์ จะมีเรื่องอะไรบ้าง
สำหรับชาวญี่ปุ่น ก็มีความเชื่อ ที่อยู่คู่กับผู้คน วิถีชีวิตมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น ความเชื่อแปลกๆ หรือความเชื่อในเรื่องต่างๆที่หลายคน อาจจะไม่คุ้นเคย มาดูพร้อมกันว่า ความเชื่อญี่ปุ่น จะมีเรื่องไหนที่น่าสนใจกันบ้าง เริ่มต้นกันที่เรื่องแรกคือ คนญราปุ่นมีความเชื่อที่ว่า
ห้ามเขียนชื่อคนด้วยหมึกสีแดง สาเหตุก็มาจากว่า บริเวณที่มีหลุมฝังศพของชาวญี่ปุ่น ที่คนญี่ปุ่นจะเรียกกันว่า โบะฮิ สถานที่แห่งนี้จะมีการ สลักชื่อคนตาย ด้วยหมึกที่เป็นสีแดง โดยมีความหมายว่า กวงวิญญาของผู้ตาย ถึงแม้ว่าจะล่วงลับไปแล้ว แต่ก็ยังคงเคยมีตัวตนอยู่
ซึ่งการเชียนชื่อคน ด้วยหมึกสีดังกล่าว จึงแสดงถึง ความอัปมงคลตามความเชื่อนั่นเอง เรื่องต่อมาก็คือ คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า ไม่ควรที่จะ นอนหันหัวไปทางทิศเหนือ หลายคนอาจจะเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า ห้ามหันหัวไปทางทิศใต้ แต่ประเทศญี่ปุ่น กลับมีความเชื่อที่ตรงกันข้าม
เนื่องจากว่า ในงานศพของชาวญี่ปุ่น จะมีการจัดให้ศพหันหัวไปทางทิศเหนือ หากคนที่มีชีวิตอยู่ หัวหัวไปทางทิศดังกล่าว ก็จะทำให้มีอายุสั้น และจะเกิดแต่เรื่องโชคร้ายนั่นเอง นี่คือเรื่องราว ความเชื่อญี่ปุ่น ที่เราได้หยิบยกมาฝากกัในวันนี้
ตำนานความเชื่อที่น่าอัศจรรย์ของคนไทย จะมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องไหน
เราจะมาปิดท้ายกันด้วย เรื่องของ ความเชื่อของคนไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความเชื่อเรื่องพญานาค มักจะเป็น สิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน แล้วความเชื่อเกี่ยวกับ เรื่องราวเหล่านี้ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และเป็นความเชื่อในรูปแบบไหน ในอดีตนั้น
มีตำนานเรื่องของพญานาค อยู่คู่กับพุทธศาสนามาหลายพันปี กลายเป็นเรื่องราวที่พูดถึง และถูกเล่าขานกันมาแากต่อปาก จากบรรพบุรุษ ว่าพญานาค ได้สร้างปรากฎการณ์ ต่างๆมากมายให้กับ ผู้ที่ศรัทธา ซึ่งความเชื่อเรื่องของพญานาคในประเทศไทยเรานั้น
ก็มีความเชื่อว่า พญานาคสามารถที่จะแปลงกายได้ และอาศัยอยู่ในวังบาดาล จึงมีตำนานและความเชื่อ เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยง จะเห็นได้ว่า วัดในบ้านเรามีกจะมีรูปปั้นของพญานาค ที่บริเวณโบสถ์ เพราะมีตำนานที่ว่า พญานาคเลื่อมใส
และอยากที่จะบวชเป็นภิกษุอย่างยิ่ง จึงแปลงกายมาเป็นมนุษย์และขอบวช แต่ในคืนหนึ่งก็กลับคืนร่างร่างเดิม พระพุทธองค์เมื่อทราบเรื่องก็ทรงบอกให้นาคได้ลาสิกขา เพราะนาคเป็นเดรัจฉาน ไม่สามารถที่จะบวชได้ จึงเป็นเรื่องราว ที่มาและความเชื่อเหล่านี้นั่นเอง