ความเชื่อสุดแปลก รวมเรื่องแปลก แหวก สุดพิศดารจากทั่วทุกมุมโลก จนคุณต้องพูดว่า อย่างนี้ก็มีด้วยหรอ??
ความเชื่อสุดแปลก ว่ากันด้วยเรื่องของความเชื่อนั้น มาจากค่านิยม วิธีคิด หรือแม้แต่วัฒนธรรม ตามความเชื่อพื้นเมือง ศาสนาที่ยึดถือกันมา เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ จนถึงทุกวันนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่า แต่ละจังหวัด ประเทศ หรือทวีปนั้นๆ จะมีวิถีความเชื่อต่อธรรมชาติ สิ่งลี้ลับ หรือที่น่าตกใจ เวลาเราเดินทางไปท่องเที่ยว หรือศึกษาต่อก็ตาม บางความเชื่อ
ของแต่ละประเทศ ก็ดูลึกลับน่าค้นหา หรือดูน่าสนใจมาก แต่กลับกัน บางประเทศนั้นก็มีความเชื่อ ที่น่าตลกมาก ทำเอานักท่องเที่ยวต่างๆนั้น ก็ตะลึงและแปลกใจ ในคราวเดียวกันนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
เรื่องราวความเชื่อทั้งหลาย บางเรื่องก็มีมูลเหตุ มาจากเรื่องจริง ซึ่งในอดีต เรื่องราวเหล่านั้น อาจจะขาดข้อมูล และความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งทำให้ เกิดการเข้าใจผิดๆ สืบต่อกันมา เป็นระยะเวลายาวนาน จนทำให้เรื่องต่างๆเหล่านั้น กลายมาเป็นเรื่องที่เล่าขาน
สืบเนื่องกันต่อมา จนสุดท้าย ก็เกิดมาเป็นความเชื่อ ในพื้นที่นั้นๆได้ หรืออาจจะเกิดจาก เหตุการณ์บังเอิญ ที่เหนือกว่าความเข้าใจ ของมนุษย์เรา ทำให้หลายๆคน ก็ได้ตีความไปต่างๆนานา จนในที่สุด ความคิดเหล่านี้ ก็ได้ฝังรากลึกไว้ในชุมชน หรือพื้นที่นั้นๆ และสุดท้ายก็ได้ก่อเกิดเป็นความเชื่อ ไปในที่สุด
ความเชื่อสุดแปลก ความเชื่อท้องถื่น ทั้งความเชื่อที่ดูธรรมดาสมเหตุสมผล และความเชื่อที่แสนจะบ้าบิ่น
ในทุกๆประเทศนั้น จะมีเทศกาลต่างๆ ที่เป็นสากลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่สากล หรือปีใหม่ของประเทศนั้น ต่างก็มีความเชื่อ ในการใช้ชีวิต เพื่อให้เป็นสิริมงคล และปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป เช่นที่เรารู้กันอยู่แน่นอน ในคนไทยเชื้อสายจีนก็คือ การไม่ทำความสะอาดบ้าน ในวันตรุษจีน หรือทำงานบ้านต่างๆเช่น ซักผ้า ล้างจาน เพราะมีความเชื่อว่า จะทำให้เราเหน็ดเหนื่อย
ตั้งแต่ต้นปี และเราต้องดูว่า มีสิ่งของไหนชำรุด แตกหักหรือไม่ ถ้ามีเราต้องรีบเปลี่ยน ก่อนจะถึงวันปีใหม่ ซื้อมาเพื่อแทน ที่นำอันเก่าออกไป ถ้าทำแบบนี้แล้ว เราจะได้มีความโชคดี ในหลายๆเรื่อง ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
แต่ถ้าจะพูดว่า ห้ามทำงานเลยซะทีเดียว ก็ไม่ใช่ สำหรับคนจีน เพราะถ้าในยุคนี้ ทุกคนก็ยังมาทำงานกันเป็นปกติ แต่ก็จะมีการแต่งตัว แต่งหน้าสวยๆ ใส่เสื้อสีแดงฉูดฉาด เพราะชาวจีนเชื่อว่า สีแดง จะเป็นสีที่ขับไล่สิ่งอัปมงคล
และปีศาจ ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ที่ห้ามทําในวันตรุษจีน นอกจากทำงานแล้ว คือการสระผม เพราะชาวจีนก็เชื่อว่า การสระผมในวันนี้ เป็นการนำความมั่งคั่ง ความโชคดี ออกจากตัวเราไป
ซึ่งเรื่องนี้ ก็แล้วแต่วิจารณญาณ ของท่านผู้อ่านนะครับ เพราะสำหรับตัวผู้เขียนเอง ในวันตรุษจีน เราทำงานหนัก ตื่นมาไหว้แต่เช้า ถ้าเราไม่สระผมแล้วก็ น่าจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ลัคกี้นัมเบอร์ 13 ของชาวยุโรป เลขต้องห้ามที่ไม่ควรมี เพราะมีอันตรายต่อเรา หรือบุคคลรอบตัวเรา
โดยทั่วไปแล้ว ชาวฝรั่งจะให้ความสำคัญ กับหมายเลข 13 เป็นอย่างมาก ถ้าหากเรา ได้ไปอยู่เมืองนอกแล้ว เราจะเห็นว่า บางสถานที่ ก็ไม่มีเลข 13 ไม่ว่าจะเป็น ชั้นอาคาร เลขที่นั่งตามที่ต่างๆ จะเว้นเลขนี้เอาไว้ โดยตามบางความเชื่อนั้นเลข 13 ก็ไม่ได้ถือว่า เป็นเรืองไม่ดี ไปซะทีเดียว เช่นอาจจะเจอ ทั้งดีและร้าย แต่เกิดขึ้นโดยรวดเร็ว และยังไม่ทันตั้งตัว อาจจะมาในรูปแบบ
ของโชคหรือลาภลอย ที่แอบแฝงมา อย่างไม่คาดฝัน ซึ่งความเชื่อลักษณะนี้ ได้เกิดขึ้น ที่ประเทศฝรั่งเศสเช่นกัน แต่เป็นแนวความโชคร้ายมากกว่า ซึ่งเมื่อเวลามีการกินข้าว ร่วมโต๊ะกัน แขกในโต๊ะนั้น ไม่ควรมี 13 คน
เพราะเชือว่า ถ้ามีคนร่วมโต๊ะจำนวนนี้ จะนำพาความโชคร้าย มาเยือนทุกคน และยังมีความเชื่ออีกนะว่า ถ้าใครลุกจากโต๊ะไปคนแรก จะมีโอกาส ที่จะเสียชีวิตในเร็วๆนี้ เมื่ออ่านอย่างนี้แล้ว ทำเอาไม่กล้านัดเพื่อนครบ 13
คนเลยใช่ไหม แต่ความเชื่อแบบนี้ ยังไม่มีมาถึงในไทยขนาดนั้น เพราะฉะนั้น สบายใจได้เลย เพราะมันยังเป็นแค่ความเชื่อ ของอีกทวีปนึงเท่านั้นเอง แต่ในทุกวันนี้บ้านเรา โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
ก็เริ่มจะมีให้เห็น ความเชื่อในรูปแบบนี้บ้างแล้ว เพราะบางตึก บางอาคาร ก็เริ่มจะไม่มีลิฟท์ ชั้นที่13บ้างแล้วครับ ซึงเค้าจะปล่อยชั้นนั้น เป็นปุ่มว่างๆ ซึ่งเป็นอันรู้กัน ว่าชั้นนั้นคือชั้น13
ความเชื่อแปลกแต่จริง ของดินแดนโสมใครอ่านก็ยัง งง?? ว่าทำแบบนี้กันจริงๆหรอ??
ประเทศเกาหลีใต้ ก็เป็นอีกประเทศหนึ่งเช่นกัน ที่มีความเชื่อต่างๆนาๆ มาให้คนเกาหลีปฎิบัติ กันตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่า บางทีมันก็อาจเป็นคำเตือน ให้พวกเราระวังตัว ก็ได้เช่น การเอามือจับที่ตา ถ้าหากคนเกาหลี จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่นั้น หากไปโดนแมลงต่างๆ ที่บินได้เช่น แมลงปอ ฝีเสื้อ หรือแมลงอื่นๆแล้วนั้น เค้ามีความเชื่อกันว่า หลังจากสัมผัสแล้ว ห้ามเอามือไปโดนตา ความเชื่อแปลกรอบโลก
เป็นอันเด็ดขาด เพราะการเอามือ ไปขยี้หรือสัมผัสนั้น อาจทำให้ดวงตา ของเราบอดได้ หากเด็กๆได้ยินแบบนี้ แล้วอาจจะกลัว และไม่กล้าเอามือไปโดน หรือขยี้บริเวณดวงตา แต่สาเหตุจริงๆนั้น อาจจะเพราะว่า ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้
หรือแม้แต่ ปีกของแมลงนั้น อาจมีสิ่งสกปรกเจือปนอยู่ ซึ่งอาจทำให้ แสบคันและติดเชิ้อได้นั่นเอง และอีกหนึ่งความเชื่อ นั้นก็คือ ถ้าพ่อแม่คนไหน อยากให้ลูกตัวเอง ตัวสูงหละก็ ต้องไม่ทำสองอย่างนี้ก็คือ ห้ามกระโดดข้ามตัวเด็ก เป็นอันขาด
เพราะคนโบราณ จะถือว่าเด็ก จะหยุดความสูง ไว้ที่เท่านั้นเลย และข้อสองนั้นก็คือ ถ้าเด็กคนไหนตัดผมสั้น ยิ่งสั้นจะยิ่งตัวสูง ถ้าหากคุณไปเกาหลีใต้ แล้วเห็นเด็กๆเดินตัดผมสั้นหล่ะก็ พ่อแม่อยากจะให้ลูกตัวสูงๆก็ได้ครับ ความเชื่อโบราณ
ดินแดนพระอาทิตย์อุทัย กับความเชื่อเรื่องสะดือและดินฟ้าอากาศ ความเชื่อปรัมปรา ที่มีมาช้านาน
หากใครเคยดูการ์ตูน ชินจังจอมแก่นหล่ะก็ จะมีอยู่ตอนหนึ่ง ที่ชินจังเดินไป ซูปเปอร์มาร์เก็ต แล้วอากาศมืดครึ้ม เหมือนฝนจะตก ชินจังได้ขอเทปกาว จากร้านขายของ เพื่อเอามาแปะสะดือ เพราะกลัวว่า ฟ้าจะเอาสะดือไป เพราะคนญี่ปุ่น เชื่อกันว่า ในวันที่ฝนตก หรือฟ้าร้องนั้น การเอาเสื้อมาปิดสะดือ เพื่อจะไม่ให้ โดนฟ้าฝ่ากลางสะดือนั่นเอง โดยความเชื่อนี้ ผู้ปกครองจะสอนเด็กๆว่า
เทพเจ้าสายฟ้าไรจินนั้น ที่เป็นเทพคนสนิท กับเทพไรจู เทพองค์นี้นั้นชอบเข้าไป นอนในสะดือของเด็กๆ ในวันที่ฟ้าผ่า หรือฟ้าร้อง ถ้าเด็กคนไหน ไม่อยากโดนเทพไปนอนที่สะดือ เด็กคนนั้น ก็ต้องใส่เสื้อผ้า ให้มิดชิด ความเชื่อญี่ปุ่น
หรือว่าเอาเสื้อใส่เข้าไปในกางเกง หรือกระโปรง ให้เรียบร้อย หรืออาจจะเอาเทปกาว มาปิดป้องกันเพื่อความแน่นหนา อย่างชินจังเลยก็ได้นะ กุศโลบายแบบนี้ มีเข้ามาเพื่อให้ผู้ใหญ่ ใช้บอกเด็กๆในทางอ้อมว่า ความเชื่อแปลกสุดหลอน
ให้แต่งตัวให้มิดชิด ไม่หลุดรุ่ย เพื่อป้องกันกับสภาพอากาศ ที่แปรปรวน เพราะการใส่เสื้อที่บาง หรือไม่อุ่นพอ อาจทำให้เด็กๆนั้นไม่สบาย เป็นไข้จากการถูกฝนนั่นเอง ความเชื่อต่างประเทศ